วันอังคารที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ทางพ้นทุกข์...หลวงพ่อชา สุภัทโท




ทางพ้นทุกข์
(หลวงพ่อชา สุภัทโท วัดหนองป่าพง จ.อุบลราชธานี) 


การสำเร็จมรรค สำเร็จผล ไม่ได้สำเร็จที่อื่นที่ไกล สำเร็จที่ดวงใจของเรา คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ท่านวางไว้ถึง ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ ท่านก็ไม่ได้วางที่อื่น วางที่กายและใจของเรานี้เอง นี่ ! เรียกว่าเป็นที่ตั้งแห่งพระธรรมวินัย

ความพ้นทุกข์ก็จะพ้นจากที่ไหนเล่า คือใจเราไม่ทุกข์ แปลว่า พ้นทุกข์ เพราะฉะนั้นได้ยินแล้ว ให้พากันน้อมเข้าภายใน ธรรมะคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า รวมไว้ในจิตดวงเดียว เอตํ จิตฺตํ ให้จิตเป็นของเดิม จิตฺตํ ความเป็นอยู่ ถ้าเราน้อมเข้าถึงจิตแล้ว ความสำเร็จอยู่ที่นั่น ถ้าเราไม่รวมแล้ว มันก็ไม่สำเร็จ ทำการ ทำงาน ทำทุกสิ่งทุกอย่าง ก็ต้องรวมถึงจะเสร็จ ถ้าไม่รวมเมื่อไหร่ก็ไม่สำเร็จ

เอตํ ธมฺมํ มีธรรมดวงเดียว เวลานี้เราทั้งหลายขยายออกไปแล้ว ก็กว้างขวางพิสดารมากมาย ถ้าวิตถารนัย ก็พรรณนาไปถึง ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ รวมเข้ามาแล้ว สังเขปนัยแล้วมีธรรมดวงเดียว เอตํ ธมฺมํ เป็นธรรมดวงเดียว เอตํ จิตฺตํ มีจิตดวงเดียว นี่เป็นของเดิม ให้พากันให้พึงรู้ พึงเข้าใจต่อไป

นี่แหละ ต่อไป พากันให้รวมเข้ามาให้ได้ ถ้าเราไม่รวมนี่ไม่ได้ เมื่อใดจิตเราไม่รวมได้เมื่อใด มันก็ไม่สำเร็จ นี่แหละให้พากันพิจารณาอันนี้ จึงจะเห็นธรรม เมื่อเอาหนังออกแล้ว ก็เอาเนื้อออกมาดู เอาเนื้อออกมาดูแล้ว ก็เอากระดูกออกมาดู และเอาทั้งหมดออกมาดู ไส้น้อย ไส้ใหญ่ ตับ ไต ออกมาดู มันเป็นอย่างไง ทำไมเราต้องไปหลง เออ ! นี่แหละ พิจารณาให้มันเห็นอย่างนี้ มันจะละสักกายทิฏฐิได้แน่ มันจะละวิจิกิจฉา ความสงสัย จะเป็นอย่างโน้นอย่างนี้ มันเลยไม่มี สีลัพพตปรามาส ความลูบคลำ มันก็ไม่ลูบคลำ อ้อมันเห็นจริงอย่างนี้

เมื่อเห็นเป็นเช่นนี้แล้ว จิตมันก็ว่าง เมื่อรู้จักแล้วก็ตัด นี่มันจะได้เป็นวิปัสสนาเกิดขึ้น อันนี้เรามีสมาธิแน่นหนาแล้ว ทุกขเวทนาเหล่านั้นมันก็เข้าไม่ถึงจิตเรา เพราะเราปล่อยแล้ว เราวางแล้ว เราละแล้ว ในภพทั้งสามนี้ เป็นทุกข์ในเรื่องสมมุติทั้งหลาย จิตนั้นก็ละภพทั้งสาม มันก็เป็นวิมุตติ หลุดพ้นไปหมด นี่ล่ะเป็นวิมุตติ แปลว่าหลุดพ้น จะเป็นอย่างโน้นอย่างนี้ จิตนั้นจะได้เข้าสู่ปรินิพพาน ดับทุกข์ในวัฏสังสาร ไม่ต้องสงสัยแน่ เวียนว่ายตายเกิดในโลกอันนี้ เรื่องมันเป็นอย่างนี้ วัฏสังสาร

ทำไมจึงเรียกว่า วัฏ คือ เครื่องหมุนเวียน สังสาร คือ ความสงสัย ในรูป และในสิ่งทั้งหลายทั้งหมด มันเลยไม่ละวิจิกิจฉาได้นะซี เดี๋ยวนี้รู้ เรารู้แล้ว ไม่ต้องวนเวียนอีก เกิดแล้วก็รู้แล้วว่ามันทุกข์ ชราก็รู้แล้วว่ามันทุกข์ พยาธิก็รู้แล้วว่ามันทุกข์ มรณะก็รู้แล้วว่ามันทุกข์ ที่เรามีทุกข์เหล่านี้ ก็ทุกข์เพราะความเกิด เราก็หยุด ผู้นี้ไม่เกิด แล้วใครจะเกิดอีกเล่า ผู้นี้ไม่เกิดแล้ว ผู้นี้ก็ไม่แก่ ไม่ตาย ผู้นี้ไม่ตายแล้ว อะไรจะมาเกิด มันไม่เกิด จะเอาอะไรมาตาย ดูซิใจ ความคิดของเรา เดี๋ยวนี้เราเกิด เกิดแล้วก็ตาย ตายแล้วก็เกิด เกิดแล้วก็ตายอยู่อย่างนี้ มันก็เป็นทุกข์ไม่แล้วสักที



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น