วันเสาร์ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2555

ปริยัติ-ปฏิบัติ ..หลวงปู่บุดดา ถาวโร




ปริยัติ-ปฏิบัติ
(หลวงปู่บุดดา  ถาวโร  วัดกลางชูศรีเจริญสุข  
อ.บางระจัน  จ.สิงห์บุรี)

การระลึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์นั้นมีสองชั้น มีทั้งภายนอก และภายใน ภายนอกอยู่กับพระพุทธรูป อยู่กับคัมภีร์เป็นปริยัติ ภายในอยู่ที่การปฏิบัติ อยู่ที่กาย และจิตนี้เอง

ศีล สมาธิ ปัญญา ก็มีศีล สมาธิ ปัญญาภายนอก และศีล สมาธิ ปัญญาภายใน 
ศีล สมาธิ ปัญญาภายนอก  ก็คือศีล สมาธิ ปัญญาในพระคัมภีร์   
ส่วนศีล สมาธิ ปัญญาภายใน คือ ศีล สมาธิ ปัญญาที่มีการลงมือปฏิบัติที่กาย วาจา ใจของเรา 

ให้ดูพระนครกาย กับพระยาจิตราชของตน อย่าไปดูของคนอื่น  ให้พิจารณาดูหนังแต่ภายในของเรานี่แหละ !  อ่านให้หมดทั้งข้างนอกข้างใน  อ่านให้ละเอียด และจะรู้เอง แจ้งเอง หนังคนอื่นไม่ต้องไปดูหรอก  ดูหนังเราเองดีกว่า และดูจิตของเรา ให้รู้จิตตน อย่าไปรู้จิตคนอื่น  ต้องว่ารู้ทุกข์แต่ไม่ยึดถือ รู้ว่าสุขแต่ไม่ยึดถือ มันก็พ้นทุกข์

วัตถุทานภายนอกนั้น มีแต่มากบ้าง น้อยบ้าง  ส่วนทาน ศีล ภาวนาภายในนั้น มีแต่ความพอดี





ให้รู้ธรรมเห็นธรรมก่อนตาย..หลวงปู่บุดดา ถาวโร



ให้รู้ธรรมเห็นธรรมก่อนตาย
(หลวงปู่บุดดา ถาวโร  วัดกลางชูศรีเจริญสุข
อ.บางระจัน  จ.สิงห์บุรี)

อย่าเห็นว่าห่มผ้าเหลืองๆ จะเป็นพระหมด  พระอยู่ที่ความบริสุทธิ์  สมัยนี้ อาศัยภิกษุสามเณรที่ดีก็ยังมีอยู่  อุบาสกอุบาสิกาที่ดีก็ยังมีอยู่  หายใจเข้าเป็นพระธรรมวินัย หายใจออกเป็นพระธรรมวินัย โลกทั้งหลายเขาหายใจเข้าเป็นเงินเป็นทอง  หายใจออกเป็นเงินเป็นทอง  เขาจะทำเงินมาใช้เท่านั้นเอง

จะออกจากความหลง  ความลืมก็ออกเสีย  ให้รู้ธรรมเห็นธรรมก่อนตาย  ให้รู้เดี๋ยวนี้  ปัจจุบันนี้  เป็นอกาลิโก  ข้างหน้าจะหวังมนุษย์สมบัติ  สวรรค์สมบัติ  นิพพานสมบัติน่ะ  มันไม่แน่  ตายเสียก่อน  ทุกอย่างก็จบ  ดิน น้ำ ลม ไฟ ก็กลับคืนสภาพเดิม

ขอให้พี่น้องชาวพุทธทั้งหลาย ได้เจริญอนามัยที่ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ นามรูปของเราเป็นไปเพื่อการตรัสรู้ ให้สมบูรณ์ด้วยอริยมรรค ๔ อริยผล ๔

ชีวิตของคนเหมือนขึ้นสะพาน  ต้องข้ามโค้งไปอีกทาง  จะถึงโลกุตตรภูมิ  ถ้าไม่สละโลกีย์  ไม่สละกิเลส  จะไม่มีวันถึงนิพพาน

นิพพานไม่มีการไป การมา  นิพพานตามหลักปฏิเวธ  ไม่ต้องหาแผนที่  ถึงเวลาไปเอง

ต้องรู้มัชฌิมาของตนเอง..หลวงปู่บุดดา ถาวโร



ต้องรู้มัชฌิมาของตนเอง
(หลวงปู่บุดดา  ถาวโร  วัดกลางชูศรีเจริญสุข 
อ.บางระจัน  จ.สิงห์บุรี)

ปัญญาเป็นทรัพย์ภายใน  รู้จักใช้ก็เป็นผู้มีปัญญา  การปฏิบัติธรรมอย่าติดหน้า ติดหลัง ติดซ้าย ติดขวา เดินธรรมะต้องสายกลาง เดินให้พอดี พอดีของกาย ของจิต ต้องเดินกลาง อย่าให้ตึง อย่าให้หย่อน ไม่ให้มีข้างหน้า ข้างหลัง  ต้องรู้มัชฌิมาของตนเอง  ต้องสอนตนเองก่อน

ให้รู้ว่า กายกับจิตมันเนื่องกันอย่างไร  คนขับรถต้องนำรถไป  ไม่ใช่ให้รถมันพาไป  ถ้าไม่รู้ทาง  ก็เข้าป่าเข้ารกไป

 จิต ที่ยังไปโน่น ไปนี่   ที่จริงมันไม่ได้ไปหรอก  มันอัดฟิล์มออกมาเท่านั้น  นึกภาพอะไรมันก็อัดมา  คืออัดไว้กับธรรมารมณ์

จะพบพระพุทธเจ้าเมื่อไรก็ได้ ธรรมสมบัติ เป็นอกาลิโก ช้าหรือเร็ว ให้ดูขณะจิตของเรา ตัวรู้ คือ วิญญาณ  ถ้าวิญญาณทำงานก็ถึงจิต  คนไหนติดรูป  ก็จะไม่เห็นมโนวิญญาณ

ความมั่นใจเป็นสมาธิ  ความรู้ในกองสังขารเป็นปัญญา ตัดหลงตัวเดียว ตัดได้ทุกอย่าง หมดทุกข์  กิเลสพันห้า  ตัณหาห้าร้อย  ถูกวิปัสสนาเผาไปหมด  เป็นขี้เถ้าไปหมด

กฎของธรรมะคือเกิดดับ..หลวงปู่บุดดา ถาวโร



กฎของธรรมะคือเกิดดับ
(หลวงปู่บุดดา  ถาวโร  วัดกลางชูศรีเจริญสุข 
อ.บางระจัน  จ.สิงห์บุรี)

การสวดมนต์นั้น ถ้าไม่รู้แก่นของทาน ศีล ภาวนา ก็ไม่รู้ธรรม เรือคือร่างกาย  เจ้าของเรือคือจิต  บรรทุกอริยทรัพย์ คือ ทาน ศีล ภาวนา ไปด้วย 

อยู่บ้านอย่าติดบ้าน  อยู่วัดอย่าติดวัด  อยู่ถ้ำอย่าติดถ้ำ  ติดที่ไหนเป็นกิเลสที่นั่น  นอนหลับก็มีกิเลส  ตื่นขึ้นมาก็มีกิเลสคล้องคออยู่   

นามรูปของเราเป็นของสมมุติ  เมื่อเห็นตามความเป็นจริง  ในนามรูปของเราเป็นอยู่อย่างไร  ก็เป็นอยู่อย่างนั้น กฎของธรรมะมีแต่ "เกิด-ดับ" เรียนเท่าไร ก็ลงที่กฎนี้แหละ  ให้ดูพระนครกาย  กับพระยาจิตราชของตน  อย่าไปดูของคนอื่น 

ทุกข์ เพราะเกิด-ดับ  มันมีอยู่แล้ว  มาเจอทุกขสัจจะ คือ ราคะ โลภะ  โทสะ  โมหะ  มาเพิ่ม ยิ่งทุกข์ใหญ่

      ภายในมัน เกิด-ดับ ของมันเอง  ไม่มีกิเลส  ไม่มีทุกข์  ไม่มีโศก เมื่อกิเลสไม่มี  ขันธ์ของกิเลสไม่มี  ธาตุของกิเลสไม่มี  เรียกว่าเป็น อมตธาตุ

     ถ้าจิตมีวิมุตติจากอกุศลกรรมแล้ว  จะเห็นพุทธคุณ  ธรรมคุณ  สังฆคุณ  นั่นแหละ !  พ้นเกิด  พ้นตาย  

ทำจิตให้ขาวด้วยกุศล  กรรมดำเข้าไม่ได้  สังโยชน์หมด คือดับไป  สิ้นไปแห่งอาสวะ  นั่นแหละโลกุตตระ