วันอังคารที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

สมมุติ วิมุตติ..หลวงพ่อชา สุภัทโท




สมมุติ  วิมุตติ
(หลวงพ่อชา สุภัทโท วัดหนองป่าพง จ.อุบลราชธานี)

        สิ่งทั้งหลายในโลกล้วนแต่เป็นสิ่งสมมุติ ที่เราสมมุติกันขึ้นมาเองทั้งสิ้น สมมุติแล้วก็หลงสมมุติของตัวเอง เลยไม่มีใครวาง มันเป็นทิฐิ มันเป็นมานะ ความยึดมั่นถือมั่น อันความยึดมั่นถือมั่นนี้ ไม่ใช่เรื่องที่จะจบได้ มันจบลงไม่ได้เสียที เป็นเรื่องวัฏสงสารที่ไหลไปไม่ขาด ไม่มีทางสิ้นสุด ทีนี้เมื่อเรารู้จักสมมุติแล้ว ก็รู้จักวิมุตติ ครั้นรู้จักวิมุตติก็รู้จักสมมุติ ก็จะรู้จักธรรมะอันหมดสิ้นได้

        พระพุทธองค์ของเราท่านสอนสมมุติ แล้วทรงสอนให้รู้จักแก้สมมุติ อย่าไปยึดมั่นถือมั่น อย่าไปหลงสมมุติ ท่านว่ามันเป็นทุกข์ เรื่องสมมุติ เรื่องบัญญัตินี้เป็นเรื่องสำคัญที่สุด ถ้าคนไหนปล่อย คนไหนวางได้ มันก็หมดทุกข์ มันก็เป็นวิมุตติ ที่ชื่อว่าวิมุตติ ก็สมมุตินี้แหละเรียกขึ้นมา

       สมมุตินี้ก็มีประโยชน์ คือ ประโยชน์ที่สมมุติขึ้นมาให้เราใช้กัน เช่นชื่อคน ภาษา จะได้พูดกันรู้เรื่อง จะได้ปฏิบัติ หรือนำไปใช้ให้ถูกต้อง เมื่อสมมุติขึ้นมาแล้ว มันก็เป็น แต่ว่าจะเปลี่ยนให้เป็นวิมุตติ

     อย่างสกนธ์ร่างกายของเรานี้ก็เหมือนกัน ไม่ใช่ของเราหรอก มันเป็นของสมมุติ จริงๆ แล้วจะหาตัวตนเราเขาแท้มันไม่มี มีแต่ธรรมธาตุอันหนึ่งเท่านั้นแหละ มันเกิดขึ้นมาแล้ว ก็ตั้งอยู่ แล้วก็ดับไป ทุกอย่างมันก็เป็นอย่างนี้ ไม่มีเรื่องอะไรเป็นจริงเป็นจังของมัน แต่ว่าสมควรที่เราจะใช้มัน

        เรื่องสมมุติกับวิมุตติมันก็เกี่ยวข้องกันอย่างนี้เรื่อยไป ฉะนั้นถ้าหากว่าจะใช้สมมุติอันนี้อยู่ อย่าไปวางอกวางใจว่ามันเป็นของจริง จริงโดยสมมุติเท่านั้น ถ้าไปยึดมั่นถือมั่น มันก็เกิดทุกข์ขึ้นมา เพราะเราไม่รู้เรื่องอันนี้ตามความเป็นจริง เรื่องมันจะถูกจะผิดก็เหมือนกัน บางคนเห็นผิดเป็นถูก เห็นถูกเป็นผิด เรื่องผิด เรื่องถูกไม่รู้ว่าเป็นของใคร ต่างคนต่างสมมุติขึ้นมาว่าถูก ว่าผิดอย่างนี้แหละ เรื่องทุกเรื่องก็ควรให้รู้

       รวมแล้วส่วนสมมุติก็ดี ส่วนวิมุตติก็ดี ล้วนแต่เป็นธรรมะ แต่ว่ามันเป็นของยิ่งหย่อนกว่ากัน แต่มันเป็นไวพจน์ซึ่งกันและกัน  เราจะรับรองแน่นอนว่า อันนี้ เป็นอันนี้  จริงๆ อย่างนั้นไม่ได้ เพราะฉะนั้นพระพุทธเจ้าท่านจึงวางไว้ว่า มันไม่แน่ ถึงจะชอบใจมากแค่ไหนมันก็ไม่แน่นอน  ถึงจะไม่ชอบใจมากแค่ไหนก็ให้มันรู้ว่า มันก็ไม่แน่นอนมัน ก็ไม่แน่นอนอย่างนั้นจริงๆ  แล้วปฏิบัติจนเป็นธรรมะ ได้ธรรมะ

         ทุกสิ่งสารพัดอย่าง มันเกิดจากสมมุติขึ้นมา ก็ให้รู้จักสมมุติ ให้รู้จักบัญญัติ ถ้ารู้จักสิ่งทั้งหลายเหล่านี้  ก็รู้จักเรื่อง "อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา" มันเป็นอารมณ์ตรงต่อพระนิพพานเลยอันนี้ 

ในหลักพระพุทธศาสนานี้ไม่มีอะไร มีแต่เรื่องทุกข์เกิด กับทุกข์ดับ เรื่องทุกข์จะเกิด ทุกข์จะดับเท่านั้น ท่านจัดเป็นสัจธรรม ถ้าไม่รู้มันก็เป็นทุกข์ เราก็ต้องพิจารณาดูเรื่องที่ผ่านมา เรื่องปัจจุบัน เรื่องอนาคต ที่มันจะเป็นไป เช่น ความเกิด ความแก่ ความเจ็บ ความตาย ทำอย่างไรจึงจะไม่ให้เป็นห่วงเป็นใยกัน ก็เป็นห่วงเป็นใยกันเหมือนกัน แต่ถ้าหากพิจารณารู้เท่าทันตามความเป็นจริงแล้ว ทุกข์ทั้งหลายก็จะบรรเทา เบาบางลงไป  เพราะไม่ได้กอดทุกข์ไว้

1 ความคิดเห็น: