วันอังคารที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

สนทนาภาษาธรรม ตอน ๔ หลวงปู่ดูลย์ อตุโล



สนทนาภาษาธรรม ตอน ๔
(หลวงปู่ดูลย์ อตุโล (พระราชวุฒาจารย์)
วัดบูรพาราม อ.เมือง จ.สุรินทร์)

ถาม  :  การไว้ทุกข์ให้ผู้ถึงแก่กรรมไปแล้ว บางคนไว้ทุกข์ ๗ วัน บางคน ๑๕ วัน บางคนไว้ทุกข์นานถึง ๓ เดือน การปฏิบัติที่ถูกต้องนั้น ควรไว้อย่างไร
หลวงปู่ : ทุกข์ ต้องกำหนดรู้  เมื่อรู้แล้วให้ละเสีย  ไปไว้มันทำไม?

ถาม เครื่องรางของขลัง เช่น หมูเขี้ยวตัน เขี้ยวเสือ นอแรดของเกจิอาจารย์ชื่อดัง มีญาติโยมได้นำติดตัวมา และพากันกราบเรียนถามหลวงปู่ว่าอย่างไหน? ดีวิเศษกว่ากัน
หลวงปู่ :  ไม่มีดี  ไม่มีวิเศษอะไรหรอก ! เป็นของสัตว์เดียรัจฉานเหมือนกัน  

หลวงปู่ : ญาติโยมเคยภาวนากันบ้างไหม?
โยม : ปีหนึ่งๆ ดิฉันก็ฟังเทศน์มหาชาติจบทั้ง ๑๓ กัณฑ์ ตั้งหลายวัด ท่านว่าอานิสงส์การฟังเทศน์มหาชาตินี้ จะได้ถึงศาสนาพระศรีอาริย์ ก็จะพบแต่ความสุขความสบายอยู่แล้ว ต้องทำวิปัสสนาให้ลำบากทรมานไปทำไม
หลวงปู่ปรารภ : สิ่งประเสริฐอันมีอยู่เฉพาะหน้าแล้วไม่สนใจ กลับไปหวังไกลถึงสิ่งที่เป็นเพียงการกล่าวถึง เป็นลักษณะของคนที่ไม่เอาไหนเลย ก็ในเมื่อมรรคผลนิพพาน ในศาสนาองค์สมเด็จพระสมณโคดมในปัจจุบันนี้  ยังมีอยู่อย่างสมบูรณ์ กลับเหลวไหลไม่สนใจ เมื่อถึงศาสนาพระศรีอาริย์  ก็ไม่ยิ่งเหลวไหลมากกว่านี้อีก

ถาม : อยากปฏิบัติให้ได้ผลเร็ว ทันตาเห็น ทำอย่างไร?
หลวงปู่ : การปฏิบัติ ให้มุ่งปฏิบัติเพื่อสำรวม เพื่อความละ เพื่อคลายความกำหนัดยินดี เพื่อความดับทุกข์ ไม่ใช่เพื่อสวรรค์วิมาน หรือแม้แต่นิพพานก็ไม่ต้องตั้งเป้าหมาย เพื่อจะเห็นทั้งนั้น ให้ปฏิบัติไปเรื่อยๆ ไม่ต้องอยากเห็นอะไร เพราะนิพพานมันเป็นของว่าง ไม่มีตัวไม่มีตน หาที่ตั้งไม่ได้ หาที่เปรียบไม่ได้ ปฏิบัติไปจึงจะรู้เอง

ถาม : อุตส่าห์ทำบุญเข้าวัด ปฏิบัติธรรมมาตั้งแต่ปู่ย่าตายาย ทำไมบุญกุศลจึงไม่ช่วย ทำไมธรรมะจึงไม่ช่วยคุ้มครอง ไฟไหม้บ้านวอดวายหมด(ครั้งไฟไหม้ใหญ่จังหวัดสุรินทร์)
หลวงปู่ : ไฟมันทำตามหน้าที่ของมัน ธรรมะไม่ได้ช่วยใครในลักษณะนั้น ทีนี้ผู้มีธรรม ผู้ปฏิบัติธรรมะ เมื่อประสบกับภาวะเช่นนั้นแล้ว จะวางใจอย่างไร จึงไม่เป็นทุกข์ อย่างนี้ต่างหาก ไม่ใช่ธรรมะทำไม่ให้แก่ ไม่ให้ตาย ไม่ให้หิว ไม่ให้ไฟไหม้ ไม่ใช่อย่างนั้น

ถาม : เรื่องตายแล้วเกิดใหม่ ชาติหน้า ชาติหลัง นรกสวรรค์มีจริงหรือไม่ ควรเชื่อ หรือไม่เชื่ออย่างไร?
หลวงปู่ : ผู้ปฏิบัติที่แท้จริงนั้น ไม่จำเป็นต้องคำนึงถึงชาติหน้าชาติหลังหรือนรกสวรรค์อะไรก็ได้ ให้ตั้งใจปฏิบัติให้ตรงศีล สมาธิ ปัญญาอย่างแน่วแน่ก็พอ ถ้าสวรรค์มีจริงถึง ๑๖ ชั้นตามตำรา ผู้ปฏิบัติดีแล้ว ก็ได้เลื่อนฐานะตนเองโดยลำดับ หรือถ้าสวรรค์นรกไม่มีเลย ผู้ปฏิบัติดีแล้วขณะนี้ ย่อมไม่ไร้ประโยชน์ ย่อมอยู่เป็นสุขเป็นมนุษย์ชั้นเลิศ
การฟังจากคนอื่น การค้นคว้าจากตำรานั้น ไม่อาจแก้ข้อสงสัยได้ ต้องเพียรปฏิบัติ ทำวิปัสสนาญาณ ให้แจ้งความสงสัย ก็หมดไปเองโดยสิ้นเชิง

ถาม : อยากฟังความคิดเห็นของหลวงปู่เรื่องเวียนว่ายตายเกิด มีบางคนระลึกชาติย้อนหลังได้ ว่าตนเคยเกิดเป็นอะไรบ้าง และใครเคยเป็นพ่อแม่เป็นญาติพี่น้องกันบ้าง
หลวงปู่ : เราไม่เคยสนใจเรื่องอย่างนี้ แค่อุปจารสมาธิก็เป็นได้แล้ว ทุกอย่างมันออกไปจากจิตทั้งหมด อยากรู้อยากเห็นอะไร จิตมันบันดาลให้รู้ให้เห็นได้ทั้งนั้น และรู้ได้เร็วเสียด้วย หากพอใจเพียงแค่นี้ ผลดีที่ได้ก็คือ ทำให้กลัวการเวียนว่ายตายเกิดในภพที่ตํ่า แล้วตั้งใจทำดี บริจาคทาน รักษาศีล แล้วก็ไม่เบียดเบียนกัน พากันกระหยิ่มยิ้มย่องในผลบุญของตน ส่วนการที่จะกำจัดกิเลสเพื่อทำลายอวิชชา ตัณหา อุปาทาน เข้าถึงความพ้นทุกข์อย่างสิ้นเชิง อีกอย่างหนึ่งต่างหาก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น