สนทนาภาษาธรรม ตอน ๔
(หลวงปู่ดูลย์ อตุโล (พระราชวุฒาจารย์)
วัดบูรพาราม อ.เมือง จ.สุรินทร์)
ถาม
: การไว้ทุกข์ให้ผู้ถึงแก่กรรมไปแล้ว
บางคนไว้ทุกข์ ๗ วัน บางคน ๑๕ วัน บางคนไว้ทุกข์นานถึง ๓ เดือน
การปฏิบัติที่ถูกต้องนั้น ควรไว้อย่างไร
หลวงปู่
: ทุกข์ ต้องกำหนดรู้ เมื่อรู้แล้วให้ละเสีย ไปไว้มันทำไม?
ถาม
: เครื่องรางของขลัง เช่น
หมูเขี้ยวตัน เขี้ยวเสือ นอแรดของเกจิอาจารย์ชื่อดัง มีญาติโยมได้นำติดตัวมา
และพากันกราบเรียนถามหลวงปู่ว่าอย่างไหน? ดีวิเศษกว่ากัน
หลวงปู่
: ไม่มีดี ไม่มีวิเศษอะไรหรอก ! เป็นของสัตว์เดียรัจฉานเหมือนกัน
หลวงปู่
: ญาติโยมเคยภาวนากันบ้างไหม?
โยม : ปีหนึ่งๆ ดิฉันก็ฟังเทศน์มหาชาติจบทั้ง ๑๓ กัณฑ์
ตั้งหลายวัด ท่านว่าอานิสงส์การฟังเทศน์มหาชาตินี้ จะได้ถึงศาสนาพระศรีอาริย์
ก็จะพบแต่ความสุขความสบายอยู่แล้ว ต้องทำวิปัสสนาให้ลำบากทรมานไปทำไม
หลวงปู่ปรารภ :
สิ่งประเสริฐอันมีอยู่เฉพาะหน้าแล้วไม่สนใจ
กลับไปหวังไกลถึงสิ่งที่เป็นเพียงการกล่าวถึง เป็นลักษณะของคนที่ไม่เอาไหนเลย
ก็ในเมื่อมรรคผลนิพพาน ในศาสนาองค์สมเด็จพระสมณโคดมในปัจจุบันนี้ ยังมีอยู่อย่างสมบูรณ์ กลับเหลวไหลไม่สนใจ เมื่อถึงศาสนาพระศรีอาริย์
ก็ไม่ยิ่งเหลวไหลมากกว่านี้อีก
ถาม : อยากปฏิบัติให้ได้ผลเร็ว ทันตาเห็น ทำอย่างไร?
หลวงปู่
: การปฏิบัติ ให้มุ่งปฏิบัติเพื่อสำรวม
เพื่อความละ เพื่อคลายความกำหนัดยินดี เพื่อความดับทุกข์ ไม่ใช่เพื่อสวรรค์วิมาน
หรือแม้แต่นิพพานก็ไม่ต้องตั้งเป้าหมาย เพื่อจะเห็นทั้งนั้น ให้ปฏิบัติไปเรื่อยๆ
ไม่ต้องอยากเห็นอะไร เพราะนิพพานมันเป็นของว่าง ไม่มีตัวไม่มีตน หาที่ตั้งไม่ได้
หาที่เปรียบไม่ได้ ปฏิบัติไปจึงจะรู้เอง
ถาม
: อุตส่าห์ทำบุญเข้าวัด
ปฏิบัติธรรมมาตั้งแต่ปู่ย่าตายาย ทำไมบุญกุศลจึงไม่ช่วย
ทำไมธรรมะจึงไม่ช่วยคุ้มครอง ไฟไหม้บ้านวอดวายหมด(ครั้งไฟไหม้ใหญ่จังหวัดสุรินทร์)
หลวงปู่
: ไฟมันทำตามหน้าที่ของมัน
ธรรมะไม่ได้ช่วยใครในลักษณะนั้น ทีนี้ผู้มีธรรม ผู้ปฏิบัติธรรมะ
เมื่อประสบกับภาวะเช่นนั้นแล้ว จะวางใจอย่างไร จึงไม่เป็นทุกข์ อย่างนี้ต่างหาก
ไม่ใช่ธรรมะทำไม่ให้แก่ ไม่ให้ตาย ไม่ให้หิว ไม่ให้ไฟไหม้ ไม่ใช่อย่างนั้น
ถาม
: เรื่องตายแล้วเกิดใหม่ ชาติหน้า
ชาติหลัง นรกสวรรค์มีจริงหรือไม่ ควรเชื่อ หรือไม่เชื่ออย่างไร?
หลวงปู่
: ผู้ปฏิบัติที่แท้จริงนั้น ไม่จำเป็นต้องคำนึงถึงชาติหน้าชาติหลังหรือนรกสวรรค์อะไรก็ได้
ให้ตั้งใจปฏิบัติให้ตรงศีล สมาธิ ปัญญาอย่างแน่วแน่ก็พอ ถ้าสวรรค์มีจริงถึง ๑๖
ชั้นตามตำรา ผู้ปฏิบัติดีแล้ว ก็ได้เลื่อนฐานะตนเองโดยลำดับ
หรือถ้าสวรรค์นรกไม่มีเลย ผู้ปฏิบัติดีแล้วขณะนี้ ย่อมไม่ไร้ประโยชน์
ย่อมอยู่เป็นสุขเป็นมนุษย์ชั้นเลิศ
การฟังจากคนอื่น
การค้นคว้าจากตำรานั้น ไม่อาจแก้ข้อสงสัยได้ ต้องเพียรปฏิบัติ ทำวิปัสสนาญาณ
ให้แจ้งความสงสัย ก็หมดไปเองโดยสิ้นเชิง
ถาม
: อยากฟังความคิดเห็นของหลวงปู่เรื่องเวียนว่ายตายเกิด
มีบางคนระลึกชาติย้อนหลังได้ ว่าตนเคยเกิดเป็นอะไรบ้าง
และใครเคยเป็นพ่อแม่เป็นญาติพี่น้องกันบ้าง
หลวงปู่
: เราไม่เคยสนใจเรื่องอย่างนี้
แค่อุปจารสมาธิก็เป็นได้แล้ว ทุกอย่างมันออกไปจากจิตทั้งหมด อยากรู้อยากเห็นอะไร
จิตมันบันดาลให้รู้ให้เห็นได้ทั้งนั้น และรู้ได้เร็วเสียด้วย หากพอใจเพียงแค่นี้
ผลดีที่ได้ก็คือ ทำให้กลัวการเวียนว่ายตายเกิดในภพที่ตํ่า แล้วตั้งใจทำดี
บริจาคทาน รักษาศีล แล้วก็ไม่เบียดเบียนกัน พากันกระหยิ่มยิ้มย่องในผลบุญของตน
ส่วนการที่จะกำจัดกิเลสเพื่อทำลายอวิชชา ตัณหา อุปาทาน
เข้าถึงความพ้นทุกข์อย่างสิ้นเชิง อีกอย่างหนึ่งต่างหาก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น