มายาแห่งจิต
( จาก “คำสอนฮวงโป” พุทธทาสภิกขุ )
การเกิดขึ้นของมายาก็ดี
การถอนมายาออกเสียได้ก็ดี ล้วนแต่เป็นมายา ด้วยกัน “มายา” มิใช่สิ่งที่มีรกรากอยู่ในความจริง มันตั้งอยู่ได้ก็เพราะคติทวินิยมของเรา
ถ้าเราเพียงแต่หยุดปล่อยตนไปตามความคิด ที่ทำให้เกิดของคู่ ตรงกันข้ามกัน เช่น อย่างธรรมดา กับ อย่างการตรัสรู้แล้ว เสียเท่านั้น มายาก็จะสิ้นสุดลงไปได้เองทันที
และถ้าเรายังขืนจะทำลายมันในที่ทุกๆ แห่ง ที่มันอาจจะมีอยู่ เราจะพบว่าไม่มีสิ่งใดเหลืออยู่เลย แม้แต่ขนเส้นเดียวให้เราเกาะ นี่แหละ ! คือความหมายของคำว่า “ฉันจะปล่อยเสียทั้งสองมือ” เพราะเมื่อเป็นดังนั้นแล้ว เราจะพบพุทธะในจิตของเราโดยแน่แท้ นั่นเอง
ถ้าเราเพียงแต่หยุดปล่อยตนไปตามความคิด ที่ทำให้เกิดของคู่ ตรงกันข้ามกัน เช่น อย่างธรรมดา กับ อย่างการตรัสรู้แล้ว เสียเท่านั้น มายาก็จะสิ้นสุดลงไปได้เองทันที
และถ้าเรายังขืนจะทำลายมันในที่ทุกๆ แห่ง ที่มันอาจจะมีอยู่ เราจะพบว่าไม่มีสิ่งใดเหลืออยู่เลย แม้แต่ขนเส้นเดียวให้เราเกาะ นี่แหละ ! คือความหมายของคำว่า “ฉันจะปล่อยเสียทั้งสองมือ” เพราะเมื่อเป็นดังนั้นแล้ว เราจะพบพุทธะในจิตของเราโดยแน่แท้ นั่นเอง
เราต้องหลีกเลี่ยงจากคำสอน
เรื่อง “ความมีอยู่” และ “ความไม่มีอยู่” เสียให้หมด
เพราะจิตนั้นเหมือนกับดาวอาทิตย์ ในข้อที่มันอยู่ใน “ความว่างตลอดนิรันดร” ส่องแสงได้โดยธรรมชาติของมันเอง และส่องแสงโดยมิได้ตั้งใจจะส่องแสง
นี่ ! ไม่ใช่สิ่งซึ่งเราจะทำให้สำเร็จได้
โดยปราศจากความเพียร แต่เมื่อเราลุถึงขั้นที่ ไม่มีความยึดถือต่อสิ่งใดๆ
ทั้งหมดแล้ว เราจะเป็นผู้ที่ทำอยู่ เหมือนที่พระพุทธเจ้าทั้งหลายทำ
การกระทำอย่างนี้
จะเป็นการกระทำที่เข้าร่องเข้ารอยกันได้จริงๆ กับคำที่กล่าวว่า “จงทำจิตให้เป็นจิต
ชนิดที่ไม่อิงอาศัยอะไรเลย” เพราะนี่แหละ คือ “ธรรมกาย” แท้ของเรา ซึ่งเรียกได้ว่า การตรัสรู้ที่สมบูรณ์ถึงที่สุด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น