วันเสาร์ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2554

การทำงานเป็นการปฏิบัติธรรม...พระอ.นพพร อาทิจฺจวํโส


การทำงานเป็นการปฏิบัติธรรม 
(พระอาจารย์นพพร  อาทิจฺจวํโส อ.เชียงดาว  จ.เชียงใหม่)

การทำงานก็เป็นการปฏิบัติธรรม  เพราะงานทุกชนิดทุกประเภท ต้องทำด้วยปัญญาก็เป็นปัญญาบารมี  ทำด้วยความขยันก็เป็นวิริยะบารมี ทำด้วยความอดทนก็เป็นขันติบารมี  ทำด้วยความจริงใจก็เป็นสัจจะบารมี  ทำเพื่อปรารถนาให้สำเร็จก็เป็นอธิษฐานบารมี  ทำด้วยใจรักก็เป็นเมตตาบารมี  สำเร็จแล้วก็วางเฉยก็เป็นอุเบกขาบารมี  แล้วก็ผลสำเร็จเอาไปขายไปให้ทาน ก็เป็นทานบารมี เขากินเขาใช้แล้วมานุ่งห่มมารักษาศีลก็เป็นศีลบารมี  มาประพฤติเนกขัมมะก็เป็นเนกขัมมะบารมี  
    ฉะนั้น เวลาทำงานแล้วเราจะได้ไม่เครียด เราจะได้เตรียมจิตเตรียมใจไว้แต่แรกเลย  กำลังจะทำบารมีด้วย  เรากำลังจะปฏิบัติธรรมด้วย  เราจะได้ไม่เบื่อหน่าย ร้อนก็เหมือนไม่ร้อน เพราะจิตเราไม่ได้นึกถึงร้อน ไม่ได้นึกถึงหนาว ความหนาวก็ไม่มี  ไม่นึกถึงฝน ฝนก็ไม่มี ไม่นึกถึงพ่อ แม่ พี่ น้อง บุตร ภรรยา สามีก็หายหมด ว่างหมดไม่มี เราต้องรู้ความจริง ขณะจิตเดียวย่อมเป็นไปพลัน เราก็สั่งสมความว่างไว้ยืนเดินนั่งนอนก็ให้ว่าง ๆ ๆ แล้วเราก็จะไม่มีทุกข์
ตัวปัญญาที่แท้จริง คือเหตุผลที่ถูกต้อง เมื่อเราทำความเห็นให้ถูกต้องมากเข้าๆๆ จึงเรียกว่าญาณความรู้ เราขจัดขยะอารมณ์เรื่อยไป ตามที่พระพุทธเจ้าทรงเรียกว่า อาสวักขยญาณ ทำอาสวะให้สิ้นไป คือทำอารมณ์ให้สิ้นไปนั้น ไม่ใช่นั่งหลับหูหลับตา เห็นนรกสวรรค์เยอะแยะมากมาย
    ว่างอย่างเดียว ก็เข้าถึงนิพพานได้แล้ว นิพพานํ  ปรมํ สุญญํ นิพพานสูญ(ว่าง)อย่างยิ่งในปัจจุบัน นิพพานํ ปรมํ สุขํ  นิพพานเป็นบรมสุข ก็เข้าถึงได้แน่ การมีความว่าง มีนิพพานเป็นอารมณ์ ก็เหมือนมีพุทธเจ้าเป็นอารมณ์ 


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น