วันเสาร์ที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2555

การเกิดเอกภพ..ไอน์สไตน์ในพุทธปรัชญา




การเกิดเอกภพ
(สรุปจาก “ไอน์สไตน์ในพุทธปรัชญา”  ของธนู แก้วโอภาส)


เอกภพ  เป็นเพียงอนุภาคชนิดหนึ่ง ที่ง่าย และรู้จักกันดี คือ อิเล็กตรอน 
ในยุคเริ่มต้นของเอกภพ อนุภาคของอะตอม ซึ่งเป็นมวลสารขนาดเล็กที่สุด มีขนาดเล็กเท่ากับนิวเคลียสของอะตอม และมีความหนาแน่นมากกว่าความหนาแน่นของนิวตรอน และโปรตอน  เล็กจนไม่สามารถมองเห็นได้ 
อนุภาคของอะตอมอยู่ในสภาพแวดล้อมมีพลังงานสูงมหาศาล  สสาร และพลังงานสามารถแลกเปลี่ยนสถานภาพซึ่งกันและกันได้ (สสารเปลี่ยนเป็นพลังงาน และพลังงานก็เปลี่ยนเป็นสสารได้) สสารและพลังงาน จึงเป็นสองรูปแบบในสิ่งเดียวกัน 
ก่อนเกิดบิ้งแบง  เอกภพมีขนาดเล็กมาก แต่มีความหนาแน่นมหาศาล ในขณะเอกภพ 6 มิติ  เอกภพจะเล็กกว่าอะตอม 10 ล้านล้านล้านล้านเท่า
ขณะเกิดบิ๊กแบง เอกภพมีแรงดึงดูด และอุณหภูมิสูงมากมายมหาศาล หรือมีความรุนแรงมากแม้กระทั่งอนุภาคชนิดต่าง ๆ ต้องแยกตัวกันอยู่ มีอุณหภูมิสูงถึง 10 ยกกำลัง 32 ซึ่งเป็นความร้อนที่สูงกว่าที่ศูนย์กลางของระเบิดไฮโดรเจน ล้านล้านเท่า 
ทฤษฎีซูเปอร์สตริง  มีกฎบังคับให้มิติของ อวกาศ เวลา”  เป็น 10 มิติ      
อนุภาคของอะตอมในเอกภพประกอบด้วย สตริง เล็กๆ การสั่นตัวของสตริง หรือเกิดความถี่ของการสั่นตัวของสตริง เป็นตัวกำหนดการมีอยู่ของ อนุมูลควาร์ก และอนุภาคทุกชนิดของอะตอม"
สตริงมีอนุภาคเล็กกว่าโปรตอน 100 พันล้านล้านเท่า  จะสั่นตัวเองได้เฉพาะในอวกาศ -เวลา เป็น 10 มิติ เท่านั้น  
     การขยายตัวของเอกภพในทฤษฎีซูเปอร์สตริง  มาจากเกิดเหตุการณ์มหาพินาศ คือ เมื่ออวกาศ-เวลา เป็น 10 มิติ แตกสลายพังทลาย 
      เอกภพ 10 มิติ ไม่มีเสถียรภาพ หลังเกิดได้ไม่นาน ก็จะแตกตัวเป็นเอกภพ 4 มิติ  5 มิติ และ 6 มิติ  
     เอกภพ 6 มิติ จะยุบตัว  มิติทั้ง 6 จะโค้งตัว  เป็นเรื่องที่ไม่สามารถมองเห็นได้  เอกภพจะเล็กกว่าอะตอม 10 ล้านล้านล้านล้านเท่า
การสลายตัวของเอกภพ 6 มิติ  ทำให้เอกภพ 4 มิติ ขยายตัวเองอย่างที่เอกภพของเราเป็นอยู่ในปัจจุบัน  
    เอกภพ 5, 6, 7, 8, 9 มิติ  เป็นเอกภพไม่มีสิ่งมีชีวิต   
    เอกภพ 4 มิติเท่านั้น ที่มีสิ่งมีชีวิต เพราะเป็นเอกภพที่มีระบบสุริยะ อะตอม และโปรตอน มีเสถียรภาพ (มีค่าคงที่ทางฟิสิกส์)   โปรตอนจะสร้างสารอินทรีย์ (DNA) ที่มีเสถียรภาพสร้างชีวิตขึ้นมา ซึ่งเอกภพต้องมีอายุ 10 20 พันล้านปีขึ้นไปเท่านั้น 
ถ้าเอกภพมีอายุต่ำกว่า 10 พันล้านปี จะมีแต่ทะเลของสิ่งไม่มีชีวิต คือ ทะเลของนิวทริโน (อนุภาคไม่มีมวล ไม่มีประจุไฟฟ้า)  โปรตอน และอิเล็กตรอน ไม่สามารถรวมตัวเป็นสิ่งมีชีวิตได้
เอกภพสามารถอยู่ในระดับพลังงานต่างๆ กันได้ในขณะเดียวกัน คือ เอกภพขนาน เปรียบดังน้ำเดือด จะเกิดฟองเล็กๆ หลุดออกจากผิวน้ำตลอดเวลา และขยายตัวออกไปอย่างรวดเร็ว ดังนั้น เอกภพของเรา ก็อยู่ร่วมทะเลเอกภพอื่นๆ ไม่ต่างไปกว่า ฟองควอนตัม (ฟองพลังงาน)
ความว่าง ทำให้เกิดเอกภพใหม่ๆ  บิ๊กแบงจึงเกิดขึ้นตลอดเวลา  การเกิดบิ๊กแบงแต่ละครั้ง เกิดจากความไม่ราบเรียบของควอนตัมในความว่าง 
        อะตอม และโมเลกุล ทำปฏิกิริยาระหว่างกันทำให้เกิดสสารมากมายมหาศาลหลายชนิดจนนับไม่ถ้วน ทั้งมีชีวิต และไม่มีชีวิต
เอกภพจึงเกิดจากทะเลของความว่าง คือ สุญญตา ในพระพุทธศาสนา  
ความว่าง เป็นเรื่องสำคัญ และเป็นโครงใหญ่ของพระพุทธศาสนา
ในเอกภพมีสสารมืดอยู่ร้อยละ 90 ของสสารทั้งหมดของเอกภพ  ซึ่งเป็นตัวดึงดูดกระจุกดาวในเอกภพไว้ไม่ให้สลายตัว
ถ้ามีการค้นพบทะเลนิวทริโนเมื่อใด เมื่อนั้นเราก็จะรู้ถึงสภาพของเอกภพหลังจากเกิดมามีอายุเพียง 3 วินาที  อย่างละเอียด และละลอกนิวทริโน จะทำให้เข้าใจลูกไฟจักรวาลอย่างชัดเจนยิ่งขึ้น
                  


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น