วันพุธที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2555

หยุดสร้างสังสารวัฏ...หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน



หยุดสร้างสังสารวัฏ

(หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน)


จิตของเราจมอยู่ในกองขยะ คือโลกสมมุติ ถูกกองขยะครอบงำ วันแล้ววันเล่า เดือนแล้วเดือนเล่า ปีแล้วปีเล่า แล้วเมื่อไรเล่าจึงจะพ้นทุกข์ได้

“จิตเดิมแท้หรือจิตดั้งเดิมนั้น ปภัสสรคือสว่างไสว และไร้อารมณ์”  แต่เพราะความหลงหรืออวิชชา คือความไม่รู้  จึงคิดสร้างสรรค์ปั้นแต่งสารพัดอย่าง มีทั้งดี ทั้งชั่ว ทั้งหยาบ ทั้งละเอียดประณีต วิจิตรพิสดาร ต่ำช้าเลวทรามจนไม่อาจจะประมาณได้  เพราะมีมากมายเกินกว่าจะคณานับ แล้วก็มาหลงในสิ่งที่จิตสร้างสรรค์ปั้นแต่งขึ้นนั้น ว่าเป็นตัวเป็นตน เป็นของของตน

พระผู้เปิดโลกให้เราเห็นก็คือองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น พระผู้ทรงเอ็นดูสัตว์โลก ทรงชี้ทาง บอกทางให้เราออกจากโลกสมมุติ อันเปรียบดังกองขยะนี้เสีย

จงแหวกม่านอวิชชาออกมา  จงพาตนออกมาจากกองขยะเสีย ณ บัดนี้ หยุดสร้างสังสารวัฏเสีย ก่อนที่ความตายจะมาถึง

๓๑ ภพภูมิ ตลอดไปถึงโลกธาตุ และอนันตจักรวาล ล้วนเป็นสมมุติทั้งสิ้น สิ่งใดเป็นสมมุติ สิ่งนั้นล้วนเป็นมายา ซึ่งมีสภาวะไม่เที่ยง มีความผันแปร และดับสลายไปเป็นที่สุด เกิดแล้วก็ดับไปตามเหตุตามปัจจัย

“สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์  สิ่งใดเป็นทุกข์ สิ่งนั้นเป็นอนัตตา”  คือไม่ใช่อัตตาตัวตนของเรา

วันศุกร์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2555

สรุปคำสอนฮวงโป...พุทธทาสภิกขุ



สรุปคำสอนฮวงโป

(พุทธทาสภิกขุ)



ถ้าเรายึดมั่นถือมั่นในสิ่งใด จิตเราก็จะถูกทำลายเพราะสิ่งนั้น เราตกอยู่ในวงล้อมของกิเลส ถูกขังอยู่ในกรง จงสลัดความสำคัญมั่นหมายออกไปให้หมด

สัญญาเป็นตัวหลอกหลอนจิต  หยุดคิดปรุงแต่งคือหลักธรรมอันเป็นมูลฐาน  การคิดอะไรตามอายตนะล้วนเป็นมายา ฝูงปีศาจร้ายก็รุ่งเรือง

เมื่อเห็นทุกอย่างว่างเปล่า ความคิดก็สิ้นสุดลง ความคิดคือมารร้าย ผู้สร้างสังสารวัฏ  โลกทั้งสามจะหายไป เมื่อเราอยู่เหนือความคิด

การตัดภพชาติไม่ยากอย่างที่คิด เพียงแต่หยุดคิดปรุงแต่ง  หยุดคือความสำเร็จอย่างแท้จริง

จากจิตหนึ่งไปสู่อีกจิตหนึ่ง ไม่มีการสร้างรูป จากการคิดปรุงแต่ง จากจิตหนึ่งไปสู่อีกจิตหนึ่ง ไม่มีการทำกรรม นั่นคือวิธีที่จะเป็นพุทธะ

คนฉลาดหลบจากการคิดปรุงแต่ง แต่ไม่หลบปรากฏการณ์  แต่คนโง่หลบปรากฏการณ์ แต่ไม่หลบการคิดปรุงแต่ง

พระธรรมทั้ง ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ เป็นมายา เพื่อใช้แก้มายาจิต

มรรคเป็นสิ่งประคับประคองเราในสงสารวัฏ ทำจิตของเราให้ว่างจากการคิดปรุงแต่ง ก็จะว่างจากการเกิดดับ  ไม่ต้องปฏิบัติอะไรอีกเพื่อการตรัสรู้

ธรรมกายคือความว่าง ความว่างคือธรรมกาย เป็นของสิ่งเดียวกัน ความว่างเป็นเมืองแห่งธรรมอันแท้จริง ไม่ใช่ของมีมลทิน หรือบริสุทธิ์ ฯลฯ

"จงชำระจิตด้วยจิต จงเจริญจิตในสิ่งที่ไม่มีอะไรเลย"

น้ำไม่ใช่คลื่น คลื่นไม่ใช่น้ำ กิเลสก็ไม่ใช่จิต จิตก็ไม่ใช่กิเลส ฉันนั้น

จิตคือความว่าง ตัวเองหายกลายเป็น "จิตหนึ่ง" กิเลสตัณหาก็ไม่เกิด อุปาทานก็ไม่มี

ความว่างมีความเป็นหนึ่ง และหลายซับหลายซ้อน

พฤติกรรมทางจิต ล้วนนำไปสู่ความผิดพลาด  จงทำจิตให้เป็นจิตที่ไม่ต้องอิงอาศัยอะไรเลย ไม่มีจิต และไม่มีธรรม 

ทางแห่งพุทธะ และทางแห่งมารล้วนเป็นมายา จิตตรัสรู้ และจิตธรรมดาก็เป็นมายา จงปล่อยเสียทั้งสองมือ

จงปลดเปลื้องความคิดต่างๆ ออกเสีย ซึ่งเป็นดังไม้ผุๆ หรือหินก้อนหนึ่ง


สติปัญญาคืออาวุธ..หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน



สติปัญญาคืออาวุธ

(หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน)


ผู้ปฏิบัติธรรมเหมือนทหารเข้าสู่สนามรบ จะทิ้งอาวุธไม่ได้เลย  อาวุธนั้นคือสติปัญญา  สติเป็นตัวกั้นกระแสกิเลส ส่วนปัญญาตัดกระแสกิเลส ก่อนที่กิเลสมันจะทำลายเรา

กิเลสเหมือนงูเหลือมพันตัวสัตว์ และจิตเราอยู่กับกิเลสก็เหมือนอยู่กับถังขยะ  ออกมาจากถังขยะเสีย ถังขยะคือสิ่งสมมุติทั้งหลายนั่นเอง

จิตมันปรุงแต่งหรือผลิต สิ่งที่ละเอียดประณีตวิจิตรพิสดารออกมาแล้ว  มันก็หลงในสิ่งที่มันผลิตออกมา กเพราะอวิชชาเป็นเหตุเป็นปัจจัย
 จิตบริสุทธิ์ ถูกอวิชชาห่อหุ้มอยู่  แหวกม่านอวิชชาออก จิตก็จะสะอาด สว่างไสว บริสุทธิ์

เมื่อเห็นรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตาชัด ก็วางรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณได้ด้วยมหาสติ มหาปัญญาอัตโนมัติ  เมื่ออวิชชาดับ สังขารก็ดับ ฯลฯ ก็จะไม่มีเงาของกิเลสปรากฏให้เห็น

เมื่อถอนอวิชชาอันเป็นรากแก้วของกิเลสออกไปได้แล้ว ก็เหลือแต่จิตล้วนๆ ธรรมเป็นจิต  จิตเป็นธรรม ซึ่งเป็นผลจากการปฏิบัติตามหลักมัชฌิมาปฏิปทา(มรรคมีองค์ ๘)

วันพฤหัสบดีที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2555

พ้นทุกข์เมื่อสละคืน...ธรรมทายาท



 พ้นทุกข์เมื่อสละคืน

(สรุปจากพระอริยสงฆ์ ๑๔ ธ.ค.๕๕ : ๑๔.๔๐ น.)

     ร่างกายเป็นธาตุของโลก สละคืนให้โลกไปเสีย 
        จิตใจเป็นของกิเลส ก็ยกให้กิเลสไปเสีย 
        เหลือแต่ผู้รู้ คือรู้ว่าร่างกายไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา  รู้ว่าจิตใจก็ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา 
        และแม้แต่ผู้รู้ก็ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา  มีแต่ธรรมธรรมเดียว "เอโก ธัมโม" คือว่าง  มีจิตจิตเดียว "เอโก จิตโต" คือว่าง  ว่างจากการยึดมั่นถือมั่นในสิ่งทั้งปวง
       ความว่าง เป็นอมตธาตุ อมตธรรม คือ"นิพพาน"