วันพุธที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

สรุปพระพุทธพจน์...จากหนังสือพระอานนท์พุทธอนุชา


สรุปพระพุทธพจน์
จากหนังสือ  พระอานนท์พุทธอนุชา
เรียบเรียงจากพระไตรปิฎก ของอาจารย์วศิน อินทสระ

พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า
๑. เราประกาศพระศาสนา เพื่อผลประโยชน์ คือ ลาภสักการะก็หาไม่ เพื่อให้ชาวโลกนับถือก็หาไม่ เพื่อยกตนข่มผู้อื่นก็หาไม่ เพื่อแก้คำสอนของเจ้าลัทธิอื่นก็หาไม่ แต่เราประกาศพระศาสนา เพื่อให้ชาวโลกหลุดพ้นจากความทุกข์ ถึงความดับกิเลส อันเป็นเหตุให้เกิดทุกข์

        ๒. พรหมจรรย์นี้เราประพฤติ  มิใช่เพื่อหลอกลวงคน  มิใช่เพื่อให้คนทั้งหลายมานับถือ  มิใช่เพื่ออานิสงส์ลาภสักกระ และความสุขสรรเสริญ มิใช่เพื่อเป็นเจ้าลัทธิ และแก้ลัทธิอย่างนั้น อย่างนี้  ที่แท้พรหมจรรย์นี้ เราประพฤติเพื่อสังวร คือความสำรวม  เพื่อปหานะ คือความละ เพื่อวิราคะ คือคลายความกำหนัดยินดี และเพื่อนิโรธะ คือความดับทุกข์

๓. ภิกษุหรือใคร ๆ ก็ตาม พึงอยู่โดยชอบ ปฏิบัติดำเนินตามมรรคอันประเสริฐ ประกอบด้วยองค์แปด  โลกนี้ก็จะไม่พึงว่างจากพระอรหันต์

๔. บรรดาทางทั้งหลาย มรรคมีองค์แปด ประเสริฐที่สุด เป็นทางที่ทำให้มารหลง ติดตามไม่ได้ จงตั้งใจปฏิบัติ เพื่อทำทุกข์ให้สิ้นไป ด้วยความเพียรของตนเอง ตถาคตเป็นเพียงผู้บอกทางเท่านั้น

๕. ความสุขใดเสมอด้วยความสงบไม่มี ความสุขชนิดนี้ ! หาได้ในตัวของเรานี้เอง ตราบใดที่มนุษย์ยังวิ่งวุ่นแสวงหาความสุขจากภายนอก ตราบนั้น !  เขาจะไม่พบกับความสุขที่แท้จริงเลย

๖. ความเมาในอำนาจ เป็นแรงผลักดันที่มีพลังมากพอให้คนทำทุกสิ่งทุกอย่าง เพื่อให้มีอำนาจยิ่งขึ้น และยิ่งขึ้น พร้อมๆ กันนั้น มันทำให้เขาลืมทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่แยแส ต่อเสียงเรียกร้องของศีลธรรม หรือมโนธรรมใดๆ

๗. ศีลธรรมเป็นเครื่องค้ำจุนสังคม และคุ้มครองโลก แต่บุคคลที่รับรู้ และพยายามประคับประคองศีลธรรมมีน้อยเกินไป สังคมมนุษย์จึงวุ่นวาย และกรอบเกรียมอย่างน่าวิตก

๘. ร่างกายนี้ ! มองเห็นเปล่งปลั่งผุดผาด แต่เพียงผิวหนังเท่านั้น ดุจดังความงามของหีบศพอันวิจิตรตระการตา ผู้รู้หาได้ยินดีพอใจไม่ เพราะทราบว่าภายในหีบอันสวยงามนั้น มีแต่สิ่งปฏิกูลน่ารังเกียจ

๙. ร่างกายนี้ ! ไม่นานก็ถึงกาลแห่งการแตกสลาย จงมีธรรมเป็นที่เกาะที่พึ่งเถิด  อย่าคิดเอาสิ่งอื่นเป็นที่พึ่งเลย แม้ตถาคตก็เป็นเพียงผู้บอกทางเท่านั้น

๑๐. ปฐพีนี้ ! เกลื่อนกล่นไปด้วยสัตว์ที่ตายแล้วตายเล่า ทับถมกันอยู่ ทุกย่างก้าวของมนุษย์ และสัตว์ล้วนเหยียบบนกองกระดูก นอนบนกองกระดูก นั่งอยู่บนกองกระดูก สนุกสนานเพลิดเพลินอยู่บนกองกระดูกทั้งสิ้น

๑๑. กามคุณ ๕ คือ รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส เป็นเหยื่อแห่งมาร เป็นพวงดอกไม้แห่งมาร เป็นกำลังพลแห่งมาร จงขยี้พวงดอกไม้แห่งมาร และทำลายกำลังพลแห่งมารเสีย

๑๒. ดูก่อนกาม !  เราเห็นต้นเค้าของเจ้าแล้ว  เจ้าเกิดจากความคิดคำนึงถึงนั่นเอง เราจักไม่ดำริถึงเจ้าอีก  ด้วยประการฉะนี้ กามเอ๋ย ! เจ้าจะเกิดขึ้นอีกไม่ได้

๑๓. "จิตนี้ ! คอยจะกลิ้งเกลือกลงไปคลุกเคล้ากับกามคุณ ๕ เหมือนปลาซึ่งเกิดในน้ำ ถูกนายพรานเบ็ดยกขึ้นจากน้ำ  ก็คอยแต่จะดิ้นรนไปอยู่ในน้ำเสมอ ผู้มีปัญญาพึงพยายามยกจิตขึ้น จากกามคุณ ๕ ให้ละบ่วงแห่งมารเสีย

๑๔.ชีวิตนี้ ! เริ่มต้นด้วยเรื่องที่น่าละอาย  ทรงตัวอยู่ด้วยเรื่องที่ยุ่งยากสับสน และจบลงด้วยความเศร้า

๑๕. ชีวิตนี้ ! เหมือนเกลียวคลื่น ก่อตัวขึ้นแล้วม้วนเข้าหาฝั่ง และแตกสลายเป็นฟองฝอย  หายไปในที่สุด

๑๖. การเสียสละ เป็นการได้มาซึ่งผลอันเลิศในปั้นปลาย ผู้ไม่เสียสละอะไร ย่อมไม่ได้อะไร เปรียบดังมนุษย์รดน้ำต้นไม้ที่โคน แต่ให้ผลที่ปลายฉันนั้น

๑๗. หยาดน้ำทีละหยด ทำให้ตุ่มน้ำเต็มได้ฉันใด การสั่งสมบุญหรือบาป แม้ทีละน้อยก็ฉันนั้น ผู้สั่งสมบุญ ย่อมเปี่ยมล้นไปด้วยบุญ ผู้สั่งสมบาป ย่อมเพียบแปล้ ไปด้วยบาป

๑๘. จิตนี้ ! เป็นธรรมชาติที่ผ่องใส มีรัศมีเหมือนดวงจันทร์ แต่อาศัยกิเลสที่จรมาเป็นครั้งคราว จิตนี้ จึงเศร้าหมองเหมือนก้อนเมฆบดบังดวงจันทร์ให้อับแสง

๑๙. อานนท์เอย ! พึงประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า ธรรมวินัยอันใด ที่เราได้แสดงแล้ว บัญญัติแล้ว ขอให้พระธรรมวินัยอันนั้น จงเป็นศาสดาของพวกเธอแทนเราต่อไป เธอทั้งหลาย จงมีธรรมวินัยเป็นที่พึ่งเถิด อย่าได้มีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่งเลย

๒๐. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! บัดนี้เป็นวาระสุดท้ายแห่งเราแล้ว เราขอเตือนพวกเธอทั้งหลาย จำให้มั่นว่าสิ่งทั้งปวง มีความเสื่อม และสิ้นไปเป็นธรรมดา เธอทั้งหลายจงอยู่ด้วยความไม่ประมาทเถิด

๒๑. พระผู้มีพระภาคเจ้าปรินิพพานไปแล้ว พระกายของพระองค์เหมือนของคนทั้งหลาย ซึ่งจะต้องแตกสลายไปในที่สุด แต่ความดี และเกียรติคุณของพระองค์ ยังคงดำรงอยู่ในโลกต่อไปอีกนานเท่าใด ไม่อาจกำหนดได้ ความดีนี่เอง ! ที่เป็นสาระอันแท้จริงของชีวิต

๒๒. สิ่งใด สิ่งหนึ่ง มีความเกิดขึ้น สิ่งนั้นย่อมมีการดับไปเป็นธรรมดา สิ่งทั้งหลาย ทั้งปวง เกิดขึ้นเพราะมีเหตุ เมื่อเหตุดับ สิ่งนั้นย่อมดับไป สิ่งทั้งหลายทั้งปวง เกิดขึ้นในเบื้องต้น ตั้งอยู่ในท่ามกลาง และดับไปในที่สุด




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น