วันเสาร์ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

สมถวิปัสสนา...หลวงปู่เทสก์ เทสรํสี

สมถวิปัสสนา

(หลวงปู่เทสก์ เทสรํสี วัดหินหมากเป้ง
อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย)

      สมถวิปัสสนานี้  เป็นวิธีทางตรงที่จะให้ถึงซึ่งวิมุตติ แล้วเกิดปฏิเวธ บัญญัติสภาวะสิ่งนั้นๆ ให้เป็นไปตามความจริงถูกต้องได้  สมถะเป็นปรปักษ์แก่กามภพ  ตัดหนทางอันคดเคี้ยวให้ตรง  ด้วยองค์ฌาน และสมาธินั้นๆ 

วิปัสสนาปัญญารอบรู้  เห็นอยู่เฉพาะซึ่งของจริงทั้งหลายเป็นต้น เห็นทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค เป็นจริงอยู่อย่างนั้น ไม่แปรผันยักย้ายเป็นอื่นไปเลย  จิตวางเฉยรู้เท่าทันต่อสิ่งเหล่านั้นมาแล้ว ไม่ถือมั่นด้วยอัตตานุทิฏฐิ  ตัดกระแสแห่งภพทั้งสามให้ขาดไปด้วยวิปัสสนาอยู่ในที่เดียว

เมื่อเพ่งรูปกายนี้เป็นสักแต่ว่าธาตุดิน เป็นต้น แต่จิตยังไม่หลุดพ้นจากอุปาทาน  ก็ได้ชื่อว่า  เห็นอาการของธรรมทั้งหลายอยู่แล้ว  หรือเห็นด้วยจิตอันดิ่งแน่วแน่ด้วยองค์ภวังค์  ก็พอจะยังนิวรณธรรมให้สงบลงได้  ถ้าสมาธิแน่วแน่ดี  อันมีวิปัสสนาเป็นผลเกิดขึ้นในที่นั้น  ก็จะย้อนกลับมาเพ่งวิพากษ์วิจารณ์รูปขันธ์ตัวนี้เอง  เมื่อเห็นตามความเป็นจริงแล้ว  ก็จะทิ้งอุปธิตัวนี้แหละ  ฉะนั้น “รูปกาย” จึงชื่อว่าเหมาะ สมควรจะเอามาเป็นอารมณ์กรรมฐานของผู้ที่มีการจดจำน้อย

สมถวิปัสสนานี้  เมื่อมีกำลังเสมอภาคกันเข้าเมื่อไรแล้ว เมื่อนั้นแล มรรคทั้งแปด มีสัมมาทิฏฐิเป็นต้น จะมารวมกันเข้าเป็นองค์อันเดียว อย่าว่าแต่ทั้งมรรคแปดเลย  อริยสัจทั้ง ๔ ก็ดี  โพธิปักขิยธรรมทั้ง ๓๗ ก็ดี หรือธรรมหมวดอื่นๆ นอกจากนี้ก็ดี  ย่อมมารวมอยู่ในมรรคอันเดียว ในขณะเดียวกันนั้น  ขณะนั้นท่านจึงเรียกว่า สมัยวิมุตติ หรือเอกาพิสมัย”  รู้แจ้งแทงตลอดในสัพพเญยยธรรมทั้งปวงขณะเดียว

  ของไม่รวมกันอยู่ ณ ที่เดียวจะไปรู้ได้อย่างไร จึงสมกับคำว่า "ผู้มีเจโตวิมุตติ  ปัญญาวิมุตติ"  จึงจะถึงวิมุตติธรรมได้ดังนี้  ทำไมจึงรู้ได้ เพราะจิตเดิมเป็นอันเดียว  ที่ว่าจิตมีมากดวง  เพราะจิตแสดงอาการออกไป จึงได้มีมาก เมื่อจิตมีอันเดียว ธรรมอันบริสุทธิ์ที่จะให้หลุดพ้นจากอาการมากอย่าง ก็ต้องมีอันเดียวเหมือนกัน จิตอันเดียว ธรรมอันเดียว จึงเข้าถึงซึ่งวิมุตติได้  จึงเรียกว่า "เอกาพิสมัยวิมุตติ"

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น