วันอาทิตย์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

พระนิพพานไม่เหลือวิสัย...หลวงปู่หล้า เขมฺปตฺโต

พระนิพพานไม่เหลือวิสัย

 (หลวงปู่หล้า  เขมฺปตฺโต วัดภูจ้อก้อ จ.มุกดาหาร)


ธรรมฝ่ายเกิด ฝ่ายดับก็ดี ธรรมฝ่ายไม่เกิด ไม่ดับก็ดี  ไม่เป็นหน้าที่ของกิเลสผู้หลง จะไปยึดถือเอาเป็นเรา เป็นเขาทั้งนั้น ถ้าไปยึดถือเอาเป็นเราเป็นเขา ก็เป็นเหตุ เป็นกรรม เป็นวิบาก วนเวียนกันอยู่คล้ายกับปั้นน้ำให้เป็นตัว ก็ต้องจบกันเพียงแค่นั้น

ส่วนกิเลสจะพุ่งขึ้นหรือไม่นั้น  อันนี้มันเป็นสันทิฏฐิโก เห็นเองในชั้นละเอียดของใครของมันเท่านั้น  ผู้อื่นจะไปรับรองกันก็ไม่ได้  มันขบถคืนหรือไม่ขบถคืน ก็เป็นหน้าที่ของเจ้าตัวจะรู้เองทั้งนั้น  มันขบถคืนด้วยวิธีใด ก็ให้รู้ด้วยวิธีนั้น  มันไม่ขบถคืนด้วยวิธีใด ก็ให้รู้ด้วยวิธีนั้นอีกด้วย

ไม่ว่าธรรมชั้นไหนๆ  เป็นธรรมที่หาพรรค หาเสียงทั้งนั้น  เพราะสันทิฏฐิโก และปัจจัตตังต้องจัดระดับมา  ตั้งแต่พระโสดาบันอันเป็นสันทิฏฐิโก และปัจจัตตังเอกเทศ  ไม่ขบถคืนเป็นชั้นๆ  แม้ชั้นสุดท้ายอันเป็นกิเลสอันละเอียด ไม่ขบถคืนก็ต้องให้รู้ด้วยตนเอง หรือขบถคืนก็ต้องให้รู้ด้วยตนเอง  ถึงจะมีวิธีแก้ไข

ผู้ใคร่ครวญธรรมเป็นผู้เจริญ ธัมมวิจยะสอดส่องธรรม อันเป็นตัวปัญญา ซึ่งดึงเอาศีล และสมาธิไปอยู่ในวงแขนด้วย และควรเข้าใจว่า  ถ้าหากพระนิพพานเป็นของเหลือวิสัยของผู้รู้ จะรู้ตามเป็นจริงแล้ว  ก็คล้ายๆ กับว่าไปตู่พระบรมศาสดาว่า เป็นคนโง่  ไม่มีผู้ใดสามารถรู้ตามได้  ก็หลับตาสอนไป  เมื่อไม่เหลือวิสัยของผู้รู้ได้  พระพุทธองค์จึงสอน...เผ่งๆ เลย


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น