วันอังคารที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ความเพียร...หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร



ความเพียร
(หลวงปู่สิม  พุทฺธาจาโร  วัดถ้าผาปล่อง
อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่)


          กิเลสราคะ กิเลสโทสะ กิเลสโมหะ ต้องภาวนาดู จึงจะรู้ว่ามันอยู่ตรงไหน จะเลิก จะละได้อย่างไร โดยวิธีใด  เราต้องตั้งตัว ตั้งใจขึ้นมา อย่าปล่อยให้อำนาจฝ่ายต่ำมันมาทับถมจิตใจ เมื่อจิตไม่มีความเพียร ปล่อยให้กิเลสทับถม กายมันก็อ่อนแอท้อแท้ ขี้เซา ง่วงเหงาหาวนอนมันก็ไหลมาเทมา ก็เพราะจิตไม่มีความเพียร จิตมันไม่ตื่นขึ้น มันไม่ลุกขึ้น จิตมันอ่อนแอท้อแท้  จิตมันขุ่นมัวไม่ผ่องใส พุทโธไม่อยู่ในจิต จิตไม่เข้าถึงพุทโธ

      พุทโธ !  อยู่ภายในใจแล้วสว่างแจ้ง  ไม่หลงใหลไปตามคน สัตว์ วัตถุธาตุทั้งหลาย  ตั้งใจยกจิตยกใจของตนขึ้นมา  เอาจนให้ได้คำว่า  ผู้มีความเพียรย่อมสำเร็จได้ทุกอย่างทุกประการ ตั้งใจทำ ตั้งใจพูด ตั้งใจคิด ตั้งใจภาวนา มันไม่เหลือวิสัยของผู้มีความเพียร

       ผู้มีความเพียร คนมีความเพียร ทำอะไรก็สำเร็จ พูดอะไรก็สำเร็จ คิดอะไรก็สำเร็จ เมื่อไม่มีความเพียรจะเอาอะไรมาสำเร็จ ทำอะไรก็ไม่ตั้งใจทำ เมื่อทำจนตลอดรอดฝั่ง คือว่าเอาจริงเอาจังในใจ แม้พุทโธคำเดียวก็สำเร็จมรรคผล เห็นแจ้งพระนิพพาน เพราะอะไร เพราะองค์นั้น ผู้นั้นทำจริงๆ ปฏิบัติจริงๆ ภาวนาจริงๆ ตั้งจิตตั้งใจจริงๆ ตั้งเนื้อตั้งตัวจริงๆ เอาจริงเอาจังทุกอย่าง

       เมื่อปฏิบัติจริงๆ ของจริงมันก็ปรากฏการณ์ขึ้นมาในความจริงนั่นแหละ ! ไม่ได้อยู่ในที่อื่น  มันอยู่ที่จิตที่ใจของแต่ละบุคคล ไม่ต้องไปมัวสงสัย วิตกวิจารณ์อย่างนั้นอย่างนี้ ขอให้ทำจริง ปฏิบัติจริง มันไม่จริงอย่าไปถอยความเพียร ดูพระสาวกสมัยพุทธกาลเป็นตัวอย่าง ท่านทำจริง ปฏิบัติจริง เดินจงกรมจนเท้าแตก เมื่อเท้าแตกเดินไม่ได้ ก็เห็นว่ายังมีเข่า มีมือ ก็ใช้วิธีคลานต่อ จนหนังเข่าแตก  มือแตก  เอาจนได้สำเร็จมรรคผล เห็นแจ้งพระนิพพาน

       คนที่มีความเพียร ของหนักก็กลายเป็นของเบา  ที่ว่ายากมันกลายเป็นของง่าย  คนอื่นทำไม่ได้ แต่พระพุทธเจ้าทำได้ เพราะอะไร เพราะพระพุทธเจ้านั้นเป็นผู้มีความเพียรอันยิ่งใหญ่ ไม่มีมนุษย์ และเทวดาอินทร์พรหมที่ไหน มีความเพียรเสมอเหมือน พระพุทธเจ้าตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณด้วยพระองค์เอง  ไม่มีใครมาเสี้ยมสอนให้  พระองค์มีความเพียรเอง  มีความหมั่น  ความขยัน  ความอดทน ทรงฝึกฝนอบรมจิตจนมีปัญญาเฉลียวฉลาด มีความสามารถอาจหาญทุกสิ่งทุกอย่าง เหมือนกับว่าผืนแผ่นดินหนักเท่าไร ก็เอาแผ่นดินทั้งแผ่นลอยได้  

      นั่นแหละคือใจของพระพุทธเจ้า เป็นผู้มีความเพียร ใจของพระปัจเจกพุทธเจ้าก็เป็นผู้มีความเพียร ใจของพระอรหันตขีณาสพเจ้าทั้งหลาย เป็นผู้มีความเพียร ใจของพระโสดา พระสกิทาคา พระอานาคามี ท่านมีความเพียร ความสามารถอาจหาญ ไม่ใช่ขี้เซา เหงานอน ฟุ้งซ่าน รำคาญ โลภะ โทสะ โมหะ เพิ่มเข้าไปทุกวันคืน ไม่ละกิเลสราคะ โลภะ โทสะ โมหะ ออกไปให้มันหมดสิ้น 

เมื่อจิตไม่ตั้ง  จิตไม่เอาจริง อะไรมันไม่จริงหมดล่ะ ถ้าจิตมันเอาจริงๆ ทำจริง ๆ แล้วก็ไม่มีอะไร หนักเท่าแผ่นดินก็เอาแผ่นดินปลิวไปได้  เลิกละกิเลสได้หมดนั่นแหละ ! จึงได้ชื่อว่า เพียร เพียรละกิเลสไม่ว่าจะมีมากน้อยเท่าไร

กิเลสอย่างหยาบก็เพียรละให้หมด กิเลสอย่างกลางก็เพียรละให้หมด กิเลสอย่างละเอียดก็เพียรละให้หมด ไม่หมดอย่าไปถอยความเพียร  ตั้งใจเพียรลงไปอย่างนั้นอยู่ตลอดเวลา เมื่อมีความเพียรเต็มที่ได้ เมื่อใด เวลาใด  มันก็รู้แจ้งรู้จริงขึ้นมาในหัวใจที่มีความเพียรนั่นแหละ !

ฉะนั้น  ดวงจิต ดวงใจของเราอย่าได้ประมาทต่อไป ประมาทมาแล้ว ให้แล้วไป ตั้งแต่เดี๋ยวนี้ ขณะนี้ ปัจจุบันนี้เป็นต้นไป เราจะไม่ประมาท ทุกลมหายใจเข้าออก มรณกรรมฐาน พุทโธ ! ในดวงใจ ไม่ให้หลงลืม









ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น